ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นรัฐอาหรับในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ที่กินพื้นที่กว้างขวางในคาบสมุทรอาหรับราว 2 ล้านกว่าตารางกิโลเมตร ประเทศซาอุดีอาระเบียยังเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในโลกอาหรับ รองจากประเทศแอลจีเรียเท่านั้น ครั้งนี้คุณจักรพันธ์ รัตนเพชร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น จำกัด ได้มีโอกาสร่วมทริปเดือนทางสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เมืองกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา
ความงดงามและวัฒนธรรมของดินแดนแห่งนี้เปี่ยมเสน่ห์อย่างมาก มากพอๆ กับโอกาสของไทยในการร่วมธุรกิจอีกครั้ง หลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียที่หยุดชะงักไปกว่า 3 ทศวรรษ
ทริปสุดพิเศษนี้ เป็นการเดินทางเพื่อศึกษาดูงานและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่จัดขึ้นโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงต่างประเทศที่นำคณะนักธุรกิจ 60 คนและข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 150 คน โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจาก Investment Saudi และ Royal Commission ประจำเมืองอลูลาร์ (Alula) เมืองแห่งเป้าหมาย Living Museum จาก Vision Saudio 2030
คณะเดินทางได้มีโอกาสเยือนสามเมืองสำคัญ ประกอบด้วย กรุงริยาด เมืองหลวงสำคัญใจกลางคาบสมุทรอาระเบีย เพื่อพบปะกับนักธุรกิจจากซาอุดีอาระเบีย-ไทย หลังจากนั้นคณะเดินทางไปยังเมืองอลูสาร์ (Alula) เพื่อเยี่ยมชม Tomb of Lihyan son of Kuza ซึ่งเป็นหลุมฝังศพที่สำคัญมากที่สุดใน Hegra เมืองมรดกโลกที่กำลังรอผู้คนจากทั่วโลกไปยลโฉม ซึ่ง Banyan Tree Alula ที่เปิดให้บริการแล้วเมื่อปลายปี 2565 ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าที่นี่คือหมุดหมายสำคัญแห่งใหม่อันน่าตื่นตาตื่นใจของนักลงทุนด้านการบริการและโรงแรมเช่นกัน
นอกจากนี้ คณะยังได้ไปชม Maraya Hall ซึ่งได้รับการบันทึกในกินเนสส์บุ๊คว่าเป็นอาคารกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก อันเป็นผลงานของนักออกแบบที่มีชื่อเสียง Florian Boje of Gio Farma โดยรัฐบาลซาอุฯ ได้วางเป้าหมายไว้ว่าในปี 2035 นั้นจะสามารถดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกได้มากถึง 2 ล้านคนต่อปี ด้วยแนวคิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งหลังจากได้มีประสบการณ์ในการไปเยือนมาแล้ว แน่นอนว่าเราก็เชื่อเช่นนั้น
เมืองสุดท้ายที่คณะได้มีโอกาสไปเยือนแม้เพียงช่วงเวลาหนึ่งคืนอันแสนสั้นคือเมืองเจดดาห์ เมืองท่าสำคัญแห่ง Red Sea เห็นได้ชัดเลยว่า เมืองนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาทั้งตอนกลางวันและแสงสีในยามค่ำคืน ร้านสินค้าแบรนด์เนม ร้านอาหารหลากหลาย และคณะเดินทางยังได้มีโอกาสพบปะกับนักธุรกิจในเมืองนี้ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัน โดยได้รับการต้นรับจากทาง Investment Saudi อย่างดีเยี่ยม ณ Royal Terminal
การพบปะกับผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศในทริปนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ชื่นมื่น สอดรับกับคำกล่าวที่ว่า “Saudi Arabia: The Kingdom of Opportunities”
อย่างไรก็ตามนี่คือโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power ที่สามารถเริ่มต้นกันได้เลยกับนักเดินทางจากทั้งสองประเทศโดยไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนที่สลับซับซ้อนเพราะเมื่อใดก็ตามที่ประตูประเทศเปิดให้ผู้คนจากทั้งสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กันได้ ย่อมเป็นโอกาสในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ นอกจากนี้ทาง WRS Group ยังมีความชำนาญในด้านการให้บริการ Luxury ทุกรูปแบบอีกด้วย ในครั้งนี้เรายังได้มีโอกาสพบกับผู้บริหารจาก SEERA บริษัทเอเยนซี่ทัวร์รายใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบียอีกด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะเข้าร่วมพิธีเมกกะอันยิ่งใหญ่ ตอนนี้สายกรบินไทย สายการบินแห่งชาติของไทย ได้เปิดเส้นทางบินใหม่ “กรุงเทพฯ-เจดดาห์” เชื่อมประเทศไทยและซาอุดีอาระเบีย ด้วยประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษที่จะบินลงสู่นครเจดดาห์ ศูนย์กลางเชื่อมต่อสู่เมืองต่างๆ ในประเทศแห่งน้ำมันนี้ เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังเป็นประตูสู่นครเมกกะ และนครเมดินา เมืองสำคัญของศาสนาอิสลาม โดยพร้อมทำการบินเที่ยวแรกในวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา
สำหรับท่านที่สนใจเดินทางไปเยือนดินแดนสองมัสยิดศักดิ์สิทธิ์ สามารถติดต่อทีม Silver Voyage Club เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสำรองตั๋วโดยสาร รถรับส่งสนามบิน และโรงแรมที่พักได้ที่เบอร์โทร 02-016-9975 หรือ Line Official Account @ SilverVoyage
Comentarios