5 สุดยอดสถานที่ในตะวันออกกลางที่สวยจนเกือบหยุดลมหายใจ
- juthamartli
- 13 ก.พ. 2566
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 15 ก.พ. 2566
วันนี้ Silver Voyage Club ขอนำคุณไปเปิดโลกแห่งตะวันออกกลาง ดินแดนแห่งอารยธรรมและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล ที่ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในภวังเมื่อได้ไปเยือน ส่วนจะเป็นสถานที่ใดบ้าง พร้อมแล้วตามเราไปชมกันได้เลยค่ะ

From the ancient ruins of Petra, Jordan, to the bustling cities of Dubai, the Middle East is a destination that has something to offer for everyone. Today, we would like to introduce the top five breath-holding places in the Middle East that you shouldn’t miss.
1. Petra, Jordan
ถ้าคุณเป็นผู้ชอบผจญภัยและอยากย้อนเวลาไปสู่โลกแห่งอารยธรรม สถานที่ที่คุณจะต้องหลงรักเป็นอย่างมากเมื่อได้มาเยือน คือ เพตรา (Petra) ประเทศจอร์แดน โดยสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองโบราณที่แกะสลักและสร้างจากภูเขาหินทรายสีแดงทั้งลูกที่หาที่แบบนี้ไม่ได้ที่ใดในโลกนอกจากที่แห่งนี้เท่านั้น โดยเพตราที่เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ในการเป็นแหล่งการค้าในสมัยโบราณนี้ได้ถูกรับรองโดย UNESCO ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและยังเป็นแหล่งศึกษาอารยธรรมระดับโลกอีกด้วย เมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมากว่า 2,000 ปีแล้วและไม่เคยมีผู้ค้นพบจวบจนในศตวรรษที่ 19 จึงได้ถูกค้นพบและได้ถูกกล่าวถึงในความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ได้แกะสลักจากภูเขาหินทรายแดง ซึ่งนอกจากจะได้เห็นสถาปัตยกรรมที่งดงามจากภายนอกและภายในแล้ว ยังมีทรัพย์สมบัติที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์กษัตริย์และสุสานหลวง รวมถึงวัด โรงละครมหรสพ และที่อยู่อาศัยที่แสดงถึงอารยธรรมและความสามารถทางด้านสถาปัตยกรรมโบราณของเพตราและอาณาจักรแนบาเทียอีกด้วย ดังนั้นการมาเยือนเพตราและได้ชมความงามและสัมผัสถึงอารยธรรมแห่งนี้จึงนับได้ว่าเป็นประสบการณ์สุดพิเศษเลยทีเดียว
2. Dubai, UAE
ดูไบ เมืองอันโด่งดังของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต เป็นเมืองที่มีสีสันและทันสมัย มอบประสบการณ์สุดหรูและแปลกใหม่สำหรับผู้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตึกสูงระฟ้าและช้อปปิ้งมอลล์สุดหรูมากมาย ไปจนถึงทะเลและชายหาด และสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง Burj Khalifa, Burj Al Arab, Jumeirah Beach, the Palm Tree และ Dubai Mall และนอกจากสถานที่ที่หรูหราและทันสมัยระดับโลกแล้ว ดูไบยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อาทิ พิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ และศูนย์วัฒนธรรม ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ล่าสุดอย่าง พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต (The Museum of the Future) ที่จะแสดงภาพในจินตนาการของโลกอนาคตในอีก 50 ปีข้างหน้า หากคุณมีแพลนที่จะไปเที่ยวดูไบกับครอบครัวและสมาชิกตัวน้อยของคุณแล้ว คุณสามารถไปเยือน อควาเรียมประจำเมืองดูไบ ที่มีสวนสัตว์ใต้น้ำที่เป็นอควาเรียมในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมเหล่าสัตว์น้ำน้อยใหญ่ให้คุณได้ชื่นชม นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถที่จะท่องเที่ยวในทะเลทราบใกล้เคียง พร้อมกับขี่อูฐ เล่นกิจกรรมแซนด์บอร์ด (Sandboard) หรือพักผ่อนใต้ดวงดาวมากมายในยามค่ำคืนอีกด้วย เราเชื่อว่าหลังจากคุณอ่านมาถึงข้อนี้แล้ว คุณอาจจะต้องเริ่มเช็ควันหยุดเพื่อจัดทริปต่อไปของคุณกันแล้วหล่ะ
3. Jerusalem, Israel
เยรูซาเลม หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในโลก เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศอิสราเอล และเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือศาสนาถึง 3 ศาสนาด้วยกัน อันได้แก่ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม โดยมีสถานที่ที่สำคัญคือ The Old City อันเป็นเขตเมืองเก่าที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองและเป็นจุดสำคัญของหลากหลายศาสนาที่ผู้คนที่อาศัย ณ เมืองแห่งนี้นับถือ โดยภายในเขตเมืองเก่านี้ จะมี กำแพงตะวันตก (the Western Wall) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ The Wailing Wall ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาห์ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (The Church of the Holy Sepulchre) ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นสถานที่ทำการตรึงพระเยซูที่กางเขนและพระคูหาว่างเปล่าที่พระองค์ถูกฝังและฟื้นคืนพระชนม์ และสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งสุดท้ายคือ The Al-Aqsa Mosque หรือมัสยิดอัล-อักศอ หรือที่รู้จักกันในชื่อมัสยิดกิบลี ซึ่งเป็นมัสยิดชุมนุมหรือหอสวดมนต์ในเมืองเก่าของกรุงเยรูซาเล็ม และ the Dome of the Rock หรือโดมแห่งศิลา ซึ่งเป็นศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่เป็นที่ตั้งของศิลาฤกษ์ (Foundation Stone) ซึ่งทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างของอิสลามที่เก่าที่สุดในโลก นอกจากนี้แล้ว บริเวณรอบๆ ของเมืองเก่าแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ และสถาบันที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างๆ ที่โชว์ผลงานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของท้องถิ่นไว้อีกด้วย เมืองเยรูซาเลม จึงนับเป็นอีกสถานที่ที่จะทำให้คุณประทับใจในการมาเยือนได้อย่างง่ายดาย
4. Luxor, Egypt
ลักซอร์ เมืองโบราณของประเทศอียิปต์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้เลียบไปกับแม่น้ำไนล์ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่รุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมาก จนได้รับฉายาว่าเป็น โอเพ่นแอร์มิวเซียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (World's Greatest Open-Air Museum) โดยเมืองลักซอร์นี้เป็นสถานที่ตั้งของอนุสาวรีย์ที่สำคัญหลายแห่งของประเทศอียิปต์ โดยมีสถานที่แห่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด นั่นคือ วิหารคาร์นัค (Karnak Temple) มหาวิหารสี่พันปี อารยธรรมโบราณ มหาวิหารแห่งเทพ ยิ่งใหญ่ที่และสวยงามที่สุดในอียิปต์โดยวิหาร์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถวายแด่เทพเจ้าอะมอนรา หรือสุริยะเทพ ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ (Amun) ที่เป็นบิดาแห่งมวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมถึงความเชื่อที่ว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลายของเหล่าฟาโรห์นั้นมาจากเทพเจ้าอะมอนรา และนับว่าเป็นสถานที่ที่ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้มาเยือน อันเนื่องมาจากสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ที่มีความงดงาม นอกจากนี้ยังมี หุบเขากษัตริย์ (the Valley of the Kings) ที่เป็นสถานที่ที่ได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมศพของกษัตริย์และราชวงศ์ในราชอาณาจักรอียิปต์ใหม่ โดยหุบเขานี้ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ฝั่งตรงข้ามกับเมืองธีปส์ ซึ่งเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมได้ นับจากการเป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว เราจึงเชื่อว่าเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองที่คุณไม่ควรมองข้าม
5. The Dead Sea (Jordan, Israel and Palestine)
ทะเลเดดซี (The Dead Sea) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ระหว่างประเทศจอร์แดน อิสราเอล และปาเลสไตน์ นี้เป็นสถานที่ที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับความเข้มข้นของน้ำทะเลแห่งนี้ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมากและบรรยากาศโดยรอบที่งดงาม จนได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ที่มีความงดงามตามธรรมชาติและเป็นที่แห่งการบำบัดรักษาโรค เนื่องจากทะเลแห่งนี้มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก จนนับได้ว่าเป็นแหล่งน้ำที่มีปริมาณเกลือมากที่สุดในโลก และด้วยความเข้มข้นสูงของเกลือ ณ สถานที่แห่งนี้ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถลอยตัวอยู่บนผิวน้ำได้อย่างง่ายดาย และนอกจากนี้ยังมีโคลนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สามารถรักษาผิวได้อีกด้วย นอกเหนือจากทะเลเดดซีแล้ว สถานที่โดยรอบยังมีกิจกรรมหลายอย่างให้เพลิดเพลินใจ อาทิ การปีนเขา แคมป์ปิ้ง และการดูนก แปลกและน่าสนใจขนาดนี้ พลาดไม่ได้ที่จะต้องลองมาเที่ยวที่นี่สักครั้งค่ะ
สนใจจองห้องพักหรือให้เราช่วยจัดทริปแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เดินทางได้อย่างเป็นส่วนตัว พร้อมรถรับส่งสนามบินทั้งในไทยและต่างประเทศ และรับประทานอาหารร้านดัง หรืออาฟเตอร์นูนทีสุดเก๋ สามารถติดต่อเราได้ที่ Silver Voyage Club
• โทร: 02-016-9975
• Line OA: @silvervoyage
ขอขอบพระคุณรูปภาพสวยๆ จาก:
- The Times of Israel
- Time Out
- Lonely Planet
- Get Your Guide
- Bucket Listly
Comments