วันนี้ Silver Voyage Club ขอนำคุณไปเปิดโลกแห่งตะวันออกกลาง ดินแดนแห่งอารยธรรมและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล ที่ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในภวังเมื่อได้ไปเยือน ส่วนจะเป็นสถานที่ใดบ้าง พร้อมแล้วตามเราไปชมกันได้เลยค่ะ
From the ancient ruins of Petra, Jordan, to the bustling cities of Dubai, the Middle East is a destination that has something to offer for everyone. Today, we would like to introduce the top five breath-holding places in the Middle East that you shouldn’t miss.
1. Petra, Jordan
ถ้าคุณเป็นผู้ชอบผจญภัยและอยากย้อนเวลาไปสู่โลกแห่งอารยธรรม สถานที่ที่คุณจะต้องหลงรักเป็นอย่างมากเมื่อได้มาเยือน คือ เพตรา (Petra) ประเทศจอร์แดน โดยสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองโบราณที่แกะสลักและสร้างจากภูเขาหินทรายสีแดงทั้งลูกที่หาที่แบบนี้ไม่ได้ที่ใดในโลกนอกจากที่แห่งนี้เท่านั้น โดยเพตราที่เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ในการเป็นแหล่งการค้าในสมัยโบราณนี้ได้ถูกรับรองโดย UNESCO ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและยังเป็นแหล่งศึกษาอารยธรรมระดับโลกอีกด้วย เมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมากว่า 2,000 ปีแล้วและไม่เคยมีผู้ค้นพบจวบจนในศตวรรษที่ 19 จึงได้ถูกค้นพบและได้ถูกกล่าวถึงในความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ได้แกะสลักจากภูเขาหินทรายแดง ซึ่งนอกจากจะได้เห็นสถาปัตยกรรมที่งดงามจากภายนอกและภายในแล้ว ยังมีทรัพย์สมบัติที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์กษัตริย์และสุสานหลวง รวมถึงวัด โรงละครมหรสพ และที่อยู่อาศัยที่แสดงถึงอารยธรรมและความสามารถทางด้านสถาปัตยกรรมโบราณของเพตราและอาณาจักรแนบาเทียอีกด้วย ดังนั้นการมาเยือนเพตราและได้ชมความงามและสัมผัสถึงอารยธรรมแห่งนี้จึงนับได้ว่าเป็นประสบการณ์สุดพิเศษเลยทีเดียว
2. Dubai, UAE
ดูไบ เมืองอันโด่งดังของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต เป็นเมืองที่มีสีสันและทันสมัย มอบประสบการณ์สุดหรูและแปลกใหม่สำหรับผู้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตึกสูงระฟ้าและช้อปปิ้งมอลล์สุดหรูมากมาย ไปจนถึงทะเลและชายหาด และสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง Burj Khalifa, Burj Al Arab, Jumeirah Beach, the Palm Tree และ Dubai Mall และนอกจากสถานที่ที่หรูหราและทันสมัยระดับโลกแล้ว ดูไบยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อาทิ พิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ และศูนย์วัฒนธรรม ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ล่าสุดอย่าง พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต (The Museum of the Future) ที่จะแสดงภาพในจินตนาการของโลกอนาคตในอีก 50 ปีข้างหน้า หากคุณมีแพลนที่จะไปเที่ยวดูไบกับครอบครัวและสมาชิกตัวน้อยของคุณแล้ว คุณสามารถไปเยือน อควาเรียมประจำเมืองดูไบ ที่มีสวนสัตว์ใต้น้ำที่เป็นอควาเรียมในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมเหล่าสัตว์น้ำน้อยใหญ่ให้คุณได้ชื่นชม นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถที่จะท่องเที่ยวในทะเลทราบใกล้เคียง พร้อมกับขี่อูฐ เล่นกิจกรรมแซนด์บอร์ด (Sandboard) หรือพักผ่อนใต้ดวงดาวมากมายในยามค่ำคืนอีกด้วย เราเชื่อว่าหลังจากคุณอ่านมาถึงข้อนี้แล้ว คุณอาจจะต้องเริ่มเช็ควันหยุดเพื่อจัดทริปต่อไปของคุณกันแล้วหล่ะ
3. Jerusalem, Israel
เยรูซาเลม หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในโลก เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศอิสราเอล และเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นับถือศาสนาถึง 3 ศาสนาด้วยกัน อันได้แก่ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม โดยมีสถานที่ที่สำคัญคือ The Old City อันเป็นเขตเมืองเก่าที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองและเป็นจุดสำคัญของหลากหลายศาสนาที่ผู้คนที่อาศัย ณ เมืองแห่งนี้นับถือ โดยภายในเขตเมืองเก่านี้ จะมี กำแพงตะวันตก (the Western Wall) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ The Wailing Wall ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาห์ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (The Church of the Holy Sepulchre) ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นสถานที่ทำการตรึงพระเยซูที่กางเขนและพระคูหาว่างเปล่าที่พระองค์ถูกฝังและฟื้นคืนพระชนม์ และสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งสุดท้ายคือ The Al-Aqsa Mosque หรือมัสยิดอัล-อักศอ หรือที่รู้จักกันในชื่อมัสยิดกิบลี ซึ่งเป็นมัสยิดชุมนุมหรือหอสวดมนต์ในเมืองเก่าของกรุงเยรูซาเล็ม และ the Dome of the Rock หรือโดมแห่งศิลา ซึ่งเป็นศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่เป็นที่ตั้งของศิลาฤกษ์ (Foundation Stone) ซึ่งทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างของอิสลามที่เก่าที่สุดในโลก นอกจากนี้แล้ว บริเวณรอบๆ ของเมืองเก่าแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ และสถาบันที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างๆ ที่โชว์ผลงานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของท้องถิ่นไว้อีกด้วย เมืองเยรูซาเลม จึงนับเป็นอีกสถานที่ที่จะทำให้คุณประทับใจในการมาเยือนได้อย่างง่ายดาย
4. Luxor, Egypt
ลักซอร์ เมืองโบราณของประเทศอียิปต์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้เลียบไปกับแม่น้ำไนล์ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่รุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมาก จนได้รับฉายาว่าเป็น โอเพ่นแอร์มิวเซียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (World's Greatest Open-Air Museum) โดยเมืองลักซอร์นี้เป็นสถานที่ตั้งของอนุสาวรีย์ที่สำคัญหลายแห่งของประเทศอียิปต์ โดยมีสถานที่แห่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด นั่นคือ วิหารคาร์นัค (Karnak Temple) มหาวิหารสี่พันปี อารยธรรมโบราณ มหาวิหารแห่งเทพ ยิ่งใหญ่ที่และสวยงามที่สุดในอียิปต์โดยวิหาร์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถวายแด่เทพเจ้าอะมอนรา หรือสุริยะเทพ ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ (Amun) ที่เป็นบิดาแห่งมวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมถึงความเชื่อที่ว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลายของเหล่าฟาโรห์นั้นมาจากเทพเจ้าอะมอนรา และนับว่าเป็นสถานที่ที่ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้มาเยือน อันเนื่องมาจากสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ที่มีความงดงาม นอกจากนี้ยังมี หุบเขากษัตริย์ (the Valley of the Kings) ที่เป็นสถานที่ที่ได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมศพของกษัตริย์และราชวงศ์ในราชอาณาจักรอียิปต์ใหม่ โดยหุบเขานี้ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ฝั่งตรงข้ามกับเมืองธีปส์ ซึ่งเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมได้ นับจากการเป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว เราจึงเชื่อว่าเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองที่คุณไม่ควรมองข้าม
5. The Dead Sea (Jordan, Israel and Palestine)
ทะเลเดดซี (The Dead Sea) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ระหว่างประเทศจอร์แดน อิสราเอล และปาเลสไตน์ นี้เป็นสถานที่ที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับความเข้มข้นของน้ำทะเลแห่งนี้ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมากและบรรยากาศโดยรอบที่งดงาม จนได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ที่มีความงดงามตามธรรมชาติและเป็นที่แห่งการบำบัดรักษาโรค เนื่องจากทะเลแห่งนี้มีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก จนนับได้ว่าเป็นแหล่งน้ำที่มีปริมาณเกลือมากที่สุดในโลก และด้วยความเข้มข้นสูงของเกลือ ณ สถานที่แห่งนี้ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถลอยตัวอยู่บนผิวน้ำได้อย่างง่ายดาย และนอกจากนี้ยังมีโคลนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สามารถรักษาผิวได้อีกด้วย นอกเหนือจากทะเลเดดซีแล้ว สถานที่โดยรอบยังมีกิจกรรมหลายอย่างให้เพลิดเพลินใจ อาทิ การปีนเขา แคมป์ปิ้ง และการดูนก แปลกและน่าสนใจขนาดนี้ พลาดไม่ได้ที่จะต้องลองมาเที่ยวที่นี่สักครั้งค่ะ
สนใจจองห้องพักหรือให้เราช่วยจัดทริปแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เดินทางได้อย่างเป็นส่วนตัว พร้อมรถรับส่งสนามบินทั้งในไทยและต่างประเทศ และรับประทานอาหารร้านดัง หรืออาฟเตอร์นูนทีสุดเก๋ สามารถติดต่อเราได้ที่ Silver Voyage Club
• โทร: 02-016-9975
• Line OA: @silvervoyage
ขอขอบพระคุณรูปภาพสวยๆ จาก:
- The Times of Israel
- Time Out
- Lonely Planet
- Get Your Guide
- Bucket Listly
Comments